กล่องสุ่ม หรือ Mystery Box ถือเป็นหนึ่งในการตลาดที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการมัดรวมสินค้าหลาย ๆ ชิ้นมารวมกัน โดยที่ผู้ซื้อจะไม่รู้ว่าเปิดมาแล้วจะได้รับสินค้าอะไรบ้าง
เมื่อคอนเซปต์ของกล่องสุ่มเป็นแบบนี้ ก็อาจทำให้บางคนสงสัยว่า ทำไมคนเราถึงอยากจ่ายเงิน เพื่อของที่เราก็ไม่รู้ว่าข้างในคืออะไรแต่จริง ๆ แล้ว เสน่ห์ของกล่องสุ่ม ก็อาจจะอยู่ตรง “ความไม่รู้” นี่แหละ ที่ช่วยดึงดูดลูกค้าจำนวนมาก
ซึ่งเรื่องนี้ได้ถูกอธิบายพฤติกรรมของมนุษย์ไว้ในการศึกษาของคุณ Scott Redick ที่เผยแพร่ลงใน Harvard Business Review ว่า “ความเซอร์ไพรส์” เป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลัง
โดยคุณ Scott Redick ได้วัดการเปลี่ยนแปลงการทำงานของสมองของมนุษย์ ในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่น่าพึงพอใจ และได้ผลลัพธ์ว่า สมองตอบสนองมากที่สุด ตอนที่ได้รับตัวแปรที่คาดเดาไม่ได้
ซึ่งงานวิจัยฉบับนี้ได้สรุปไว้ว่า “มนุษย์ได้ถูกออกแบบมาให้ กระหายหาสิ่งที่ไม่คาดคิด”
เช่น การเซอร์ไพรส์วันเกิด หรือเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน ทั้งที่บางคู่รัก ก็อาจจะตกลงกันแล้วว่าจะแต่งงานกัน แต่เรื่องเซอร์ไพรส์ก็ยังช่วยให้มนุษย์เรารู้สึกดีและตื่นเต้นได้อยู่ดี
สำหรับการทำการตลาดแบบกล่องสุ่ม เราขอสรุปเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
1. แบรนด์หรือร้านค้านำสินค้าที่ตัวเองมีอยู่มาทำกล่องสุ่มเอง
บางแบรนด์อาจจะเลือกจับคู่สินค้าที่มีความต้องการในตลาดค่อนข้างสูง ปะปนไปกับสินค้าที่อยากแนะนำให้ลูกค้าทดลองใช้ สินค้ารุ่นที่ขายไม่ออก หรือสินค้าตกรุ่น แต่ในบางกรณี กล่องสุ่มก็อาจเป็นการรวบรวมสินค้าทั่ว ๆ ไป ที่เมื่อนำมาขายเป็นเซตแล้วมีราคาถูกลงกว่าการซื้อแยกชิ้น
2. ตัวกลาง ที่รวบรวมสินค้าจากหลาย ๆ แบรนด์
ตัวกลางเหล่านี้ จะใช้วิธีรวบรวมสินค้าจากแบรนด์ที่เป็นพาร์ตเนอร์ อย่างในกรณีของ Birchbox ที่ได้กล่าวไปข้างต้น ก็มีการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์กว่า 500 แบรนด์
หรือบางกรณี ตัวกลางเหล่านี้ก็อาจใช้วิธีซื้อสินค้าในขณะที่กำลังลดราคามาเก็บไว้ แล้วหลังจากนั้นจึงนำมาจัดลงกล่องสุ่ม และระบุว่าสินค้าในกล่องมีมูลค่าเท่าไร จากการคิดตามราคาเต็มของสินค้าทั้งหมด
แต่ทั้งหมดที่เราได้กล่าวไปนั้น เป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” ของการทำการตลาดโดยใช้กล่องสุ่มเท่านั้น
กล่องสุ่มมีข้อดีอีกมากมาย ทั้งสำหรับผู้ซื้อ และผู้ขาย
ในมุมของผู้ซื้อหรือลูกค้า ที่นอกจากจะรู้สึกตื่นเต้น สนุก และลุ้นที่จะได้เปิดดูสินค้าข้างในแล้ว กล่องสุ่มยังทำให้ลูกค้าได้ค้นพบ และลองอะไรใหม่ ๆ ที่ปกติอาจไม่คิดจะซื้อ นอกจากนี้ การซื้อกล่องสุ่มยังอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกถึง “ความคุ้มค่า”เพราะบางครั้ง การซื้อสินค้าทั้งหมด โดยไม่ซื้อผ่านโปรโมชันกล่องสุ่ม ก็อาจมีราคาสูงกว่า
ในมุมของผู้ขาย กล่องสุ่มยังช่วยให้พวกเขาไม่ต้องกำจัดสินค้าทิ้ง ทั้ง ๆ ที่สภาพสินค้าก็ยังดีอยู่ แต่ถ้าจะให้เก็บไว้ในสต็อก และรอจนกว่าจะขายหมด ก็อาจใช้เวลานาน และมีค่าเก็บรักษาที่เป็นต้นทุนต้องจ่ายอยู่เรื่อย ๆ และข้อดีอีกอย่างของการทำการตลาดแบบกล่องสุ่ม ก็คือ แบรนด์สามารถขายสินค้าหลาย ๆ ชิ้นได้จากในออร์เดอร์เดียว และบางครั้งอาจทำให้ยอดการใช้จ่ายต่อครั้งสูงกว่าปกติได้ด้วย
เมื่ออ่านมาจนถึงตรงนี้แล้ว “กล่องสุ่ม” ก็ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในการตลาดที่สร้างทั้งความสนุกและความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภค รวมทั้งในทางกลับกัน กล่องสุ่มก็ยังเข้ามาเป็นตัวช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับกิจการได้ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กล่องสุ่มก็ยังเป็นหนึ่งในสินค้าที่ต้องอาศัยความจริงใจของผู้ขายด้วยเช่นกัน ว่าพวกเขาจะใส่สินค้าอะไรลงไปให้กับผู้ซื้อบ้าง แม้ว่าผู้ซื้อจะไม่มีทางรู้จนกว่าจะได้เปิดกล่อง แต่ก็ไม่ควรเอาเปรียบผู้ซื้อ เพราะไม่เช่นนั้น ลูกค้าก็อาจจะไม่กลับมาซื้อสินค้าอีกเป็นครั้งที่สอง
เตรียมตัวของคุณให้พร้อม แล้วมาลุยไปด้วยกัน!!
ปรึกษาแฟรนซ์บิซ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
Inbox / comment สอบถามมาได้เลยค่ะ
โทรฝ่ายขาย 094-494-2696 / 094-552-2253
Line Official Account: @franzbiz (มีแอด)
ID Line : franzbiz
Website: www.franzbiz.com