จุดเริ่มต้นของร้าน Jim’s Burgers & Beers เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนสนิทสมัยเรียนคือคุณแมว พิสิฐ สุธีโร , คุณจิม ฉัตรกริช รุ่งรัตนกิจกำจร และคุณไก่ สุกฤษฎิ์ ผ่องคำพันธ์ ได้ไปทำงานในร้านอาหารที่อเมริกาแล้วได้ลองแวะชิมเบอร์เกอร์หลายร้าน จนรู้สึกชอบและเป็นไอเดียให้มาลองทำร้านอาหารกัน ส่วนที่มาของชื่อร้านก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นชื่อหนึ่งในเจ้าของร้านซึ่งทุกคนลงความเห็นว่าเหมาะที่สุดนั่นเอง
ปัจจุบันมีทั้งหมด 7 สาขา และทุกสาขาของ Jim’s Burgers & Beers ก็จะมีคอนเซ็ปต์และสไตล์ร้านที่แตกต่างกันเพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกเบื่อ จะมีเพียงแค่เมนูเบอร์เกอร์เท่านั้นที่ยังคงเหมือนกันทุกสาขา
“เราเริ่มต้นธุรกิจเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก่อนหน้าที่จะมาเป็น Jim’s Burgers & Beers ผมกับเพื่อนๆ (ฉัตรกริช รุ่งรัตนกิจกำจร และสุกฤษฎิ์ ผ่องคำพันธ์) เคยทำธุรกิจชานมไข่มุกกันมาก่อน เป็นคีออสเล็กๆ ขายในห้างสรรพสินค้า สร้างแบรนด์กันเอง ทำกันเอง ช่วงนั้นธุรกิจชานมไข่มุกกำลังดัง จนเวลาผ่านไป 2 ปี เรากได้บทเรียนว่า การทำอะไรตามอย่างคนอื่น ถึงแม้จะไปได้ดี แต่ก็ทำให้เราเติบโตค่อนข้างยาก ยิ่งหากกำลังเราไม่พร้อม การเข้าห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ถ้าไม่ได้ขายดีมากๆ หักลบออกมาแล้วก็แทบไม่เหลืออะไร จากประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้เรากลับมาคิดกันใหม่ ถ้าได้ลองทำธุรกิจตัวต่อไปก็อยากทำด้านอาหาร เพราะตลาดกว้าง ที่สำคัญเราจะยังไม่เข้าห้างฯ หากยังโตไม่พอ เลยลองมาคิดกันว่าจะทำอะไรดี เผอิญวันหนึ่งผมไปนั่งกินเบอร์เกอร์กับเพื่อนๆ ที่ร้านแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ ลองสั่งเบียร์มากินด้วย ปรากฏว่ามันเข้ากันได้ดีมาก แก้เลี่ยนได้ดี แต่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร มองแค่ตัวเบอร์เกอร์เป็นหลัก ซึ่งเป็นอาหารนิยมกินกันทั่วโลก เป็น Classic foods ที่ใครๆ ก็กิน และมีตลาดที่กว้างมาก เลยตัดสินใจเลือกที่จะทำเบอร์เกอร์กัน”
“เรามองว่าหากเป็นแค่กระแส วันหนึ่งอาจตกลงมาได้ ดังนั้นเราจึงต้องหาโปรดักส์รองอีกตัวมาช่วยดึงไว้ไม่ให้ตก ทำให้ผมนึกถึงการกินเบอร์เกอร์กับเบียร์ เราจึงเลือกที่จะวางคอนเซปต์ร้าน คือ ขายทั้งเบอร์เกอร์และเบียร์ไปพร้อมกัน สร้างเป็นวัฒนธรรมของร้านขึ้นมา พอศึกษาดูลึกๆ ก็พบว่าต่างประเทศเขาก็กินกันแบบนี้ โดยให้เบอร์เกอร์เป็นพระเอก เบียร์เป็นพระรองคอยเสริม วันใดถ้าลูกค้าไม่กินพระเอกผม เขาก็สามารถมากินพระรองผมได้ ซึ่งปัจจุบันมีเบียร์ใหม่ๆ น่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะคราฟเบียร์ พวกแบรนด์เล็กๆ เราพยายามรวบรวมมาไว้ที่นี่ จากนั้นก็ออกแบบดีไซน์ทุกอย่างให้เข้ากับคอนเซปต์ที่วางไว้ ตั้งแต่การตั้งชื่อ การสร้างบรรยากาศร้าน ซึ่งของเราจะมีกลิ่นอายความเป็นอเมริกันนิดๆ บางจุดผมเลือกใช้โทนสีขาวดำ เพราะอยากให้มีความเป็นเรโทร เพื่อเรียกกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น ชื่อร้านก็ใช้ง่ายๆ ว่าจิมเบอร์เกอร์ แอนด์ เบียร์ ให้รู้เลยว่าเราขายอะไร โลโก้ก็ใช้เป็นรูปผู้ชายไว้หนวดง่ายๆ เลย”
ร้าน Jim’s Burger & Beer ไม่ได้มีดีแค่ Jim Burger Signature Beef เท่านั้น แต่ยังมีเมนูเบอร์เกอร์อื่นๆ ที่น่าลองอีกมาก ทั้ง Quillen Spicy Burger, Gildur Spicy Burger, Twin Head Dragon Beef และ Monster Fries Pork ที่ชุ่มฉ่ำกินเพลิน นอกจากนี้ที่ร้านยังมีคราฟต์เบียร์ที่คัดสรรมาเฉพาะแบรนด์เบียร์เจ๋งๆ ให้เลือกสรรอย่างจุใจ
สำหรับรสชาติของ Jim Burger Signature Beef ที่มาในราคา 285 บาทต่อชิ้น หากเป็นครั้งแรกที่คุณยังไม่เคยลิ้มลองรสชาติมาก่อนอาจรู้สึกว่าราคาสูงไปนิดต่อเบอร์เกอร์หนึ่งชิ้น แต่เรากล้าบอกว่าหากคุณได้กินเบอร์เกอร์จากร้านนี้แล้ว ทั้งขนาดของเบอร์เกอร์ ความแน่นที่ชุ่มฉ่ำของเนื้อเน้นๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้แผ่นขนมปังหนานุ่ม ผสมผสานกับซอสสีส้มที่เข้ากันดีสุดๆ กับเนื้อเบอร์เกอร์ คุณจะลืมเรื่องราคาไปเลย เพราะนี่คือความคุ้มค่าทางรสชาติที่สร้างความประทับใจให้ลูกค้าของร้านนี้มานักต่อนักแล้ว
Package : ร้านแฟรนไชส์
ราคา : 349,000 บาท (Exc.Vat)
ขนาดพื้นที่ : 50 ตร.ม. ขึ้นไป
รูปแบบการลงทุน
กรอกข้อมูลด้านล่างนี้ จะมีทีมงานติดต่อกลับภายใน 24 ชม. เพื่อคุยรายละเอียดเพิ่มเติม
บริษัท แฟรนซ์บิซ จํากัด (สํานักงานใหญ่)
69/12 ชั้น 4 ถนนบางระมาด ซอย7 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170
Line: @franzbiz
Call: 094-494-2696 / 094-552-2253